พาวเวอร์แบงค์ ราคาไม่เกิน 300 บาท

เลือก Power Bank ยังไงให้คุ้มค่า คุ้มราคา ไม่พังไว

Power Bank หรือแบตเตอรี่สำรอง กลายเป็นไอเทมสำคัญสำหรับคนยุคดิจิทัลไปแล้ว ไม่ว่าจะสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ก็ล้วนต้องการพลังงาน แต่ Power Bank ในท้องตลาดมีให้เลือกมากมาย จะเลือกอย่างไรให้ตรงใจ ใช้งานได้คุ้มค่า และไม่พังง่าย? บทความนี้มีคำตอบ!

ปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อ Power Bank

1. ความจุ (mAh): ความจุของ Power Bank บอกถึงปริมาณพลังงานที่เก็บได้ ยิ่ง mAh สูง ยิ่งชาร์จอุปกรณ์ได้หลายครั้ง ควรเลือกความจุให้เหมาะสมกับการใช้งาน

   • ใช้งานทั่วไป (สมาร์ทโฟน): 5,000 – 10,000 mAh
   • เดินทางไกล ใช้งานหลายอุปกรณ์: 10,000 – 20,000 mAh
   • ใช้งานหนัก ชาร์จโน้ตบุ๊ก: 20,000 mAh ขึ้นไป และรองรับ Power Delivery (PD)

2. กระแสไฟขาออก (Output): กระแสไฟขาออกมีหน่วยเป็นแอมแปร์ (A) ยิ่งค่า A สูง ยิ่งชาร์จไฟได้เร็วขึ้น ควรเลือก Power Bank ที่มีกระแสไฟขาออกรองรับอุปกรณ์ของคุณ

   • สมาร์ทโฟนทั่วไป: 1A – 2.1A
   • แท็บเล็ต: 2.1A – 2.4A
   • โน้ตบุ๊ก: ควรเลือก Power Bank ที่รองรับ PD (Power Delivery) และมีกระแสไฟขาออกสูง เช่น 3A หรือมากกว่า

3. เทคโนโลยีการชาร์จเร็ว:

   • Quick Charge: เทคโนโลยีของ Qualcomm รองรับการชาร์จเร็วในสมาร์ทโฟน และอุปกรณ์ที่รองรับ
   • Power Delivery (PD): เทคโนโลยีการชาร์จเร็ว ที่ใช้ใน iPhone 8 ขึ้นไป MacBook และอุปกรณ์อื่นๆ PD ให้กำลังไฟฟ้าสูงกว่า Quick Charge จึงชาร์จอุปกรณ์ได้หลากหลาย และรวดเร็วกว่า
   • VOOC, SuperVOOC, Warp Charge, Dart Charge: เทคโนโลยีการชาร์จเร็วของ OPPO, OnePlus, Realme และ Vivo ตามลำดับ ควรเลือกให้ตรงกับอุปกรณ์ที่ใช้

4. จำนวนพอร์ต: เลือก Power Bank ที่มีจำนวนพอร์ต USB-A, USB-C ให้เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น ต้องการชาร์จหลายอุปกรณ์พร้อมกัน

5. ขนาดและน้ำหนัก: พิจารณาขนาด และน้ำหนักของ Power Bank ให้เหมาะสมกับการพกพา หากเน้นพกพาสะดวก ควรเลือกขนาดเล็ก น้ำหนักเบา

6. แบรนด์และราคา: เลือก Power Bank จากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ มีรับประกัน และบริการหลังการขายที่ดี เปรียบเทียบราคา และคุณสมบัติ ก่อนตัดสินใจซื้อ

7. วัสดุและความปลอดภัย: เลือก Power Bank ที่ใช้วัสดุคุณภาพดี ทนทาน มีระบบป้องกันความปลอดภัย เช่น ป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร ป้องกันความร้อนสูงเกิน

ตารางเปรียบเทียบ Power Bank